Home > Blog > 02 Team Coaching, 04 Case Studies

การโค้ชทีมจาก Hero สู่ Team Model | Team Coaching by Courage to Coach

ภาพสะท้อนผู้นำที่แบกภาระหนักเพียงลำพัง สื่อถึงการเปลี่ยนผ่านจาก Hero Model สู่ Team Model ด้วยพลังของ Team Coaching ในองค์กร

Team Coaching: จาก Hero Model สู่ Team Model: เมื่อหัวหน้าทีมไม่ต้องเป็นฮีโร่…ทีมจึงเป็นพลังจริง

Hero Model หัวหน้าทีม คือคนๆ เดียวที่คิด แก้ ตัดสินใจ ดันทีม

  • ผู้นำทีมแบกภาระทุกอย่างไว้คนเดียว
  • สมาชิกรอคำสั่งมากกว่าขับเคลื่อน
  • เวลาเกิดปัญหา ทุกคนมองที่ผู้นำ
  • เมื่อผู้นำทีมเหนื่อย…ทีมก็หยุด

.

Team Model ทีม คือ ระบบร่วมที่ทุกคนมีบทบาทในการคิด แก้ และผลักดันร่วมกัน

  • ผู้นำทีมมีบทบาทสร้างพื้นที่ ไม่ใช่สั่ง
  • สมาชิกทีมกล้าพูด กล้ารับผิดชอบ และกล้าร่วมผลักดัน
  • ความคิดไม่ได้มาจากคนเดียว แต่มาจากพลังร่วมของทีม
  • เมื่อผู้นำถอย…ทีมไม่หยุด แต่ขับเคลื่อนเองได้

.

.

Case Study: ทีมที่ไม่มีใครทะเลาะ … แต่ไม่มีใครไว้ใจกัน

บริบทของทีม

  • ทีมนี้คือทีมบริหารระดับกลางที่อยู่ในองค์กรมาไม่น้อยกว่า 5 ปี
  • สมาชิกแต่ละคนมีความเก่งในแบบของตัวเอง
  • ผู้นำทีมพยายามชวนคิดชวนคุยในทุกการประชุม…แต่ก็ยังรู้สึกเหมือนพูดอยู่คนเดียว

.

ก่อนการโค้ชทีม:

  • ประชุมเงียบผิดปกติ ไม่มีการโต้แย้ง แต่ก็ไม่มีการเติมต่อ
  • สมาชิกตอบให้ผ่าน ไม่ได้คุยจากความตั้งใจ
  • เวลาต้องตัดสินใจ คนส่วนใหญ่เลือกเงียบ ไม่กล้ารับผิดชอบ
  • ทีมไม่มีความขัดแย้งภายนอก…แต่ข้างในกลับเต็มไปด้วยความกลัว

.

ความท้าทายที่ซ่อนอยู่:

  • ไม่มีใครกล้าเปิดใจ – เพราะกลัวถูกมองว่าอ่อน หรือมีปัญหา
  • เคยเจ็บจากอดีต – ความผิดพลาดในโปรเจกต์เก่า ทำให้เลือกเก็บไว้ในใจ
  • ขาดเป้าหมายร่วมที่ชัดเจน – แต่ละคนทำตาม KPI ส่วนตัว ไม่มีภาพใหญ่ร่วมกัน

ปัญหาไม่ใช่ว่าเขาไม่เก่ง…แต่เขาไม่ไว้ใจกันพอจะใช้ความเก่งร่วมกัน

 .

.

Team Coaching Process

ขั้นตอนที่ 1 Diagnosis & Discovery

เข้าใจใต้ภูเขาน้ำแข็ง เช่น ความกลัว เรื่องที่ค้างคาในใจ พฤติกรรมที่ไม่กล้าแสดงออก

  • สัมภาษณ์หัวหน้าทีมและสมาชิกบางคนเพื่อเข้าใจ Dynamic ที่ซ่อนอยู่
  • ใช้แบบประเมิน Team Diagnostic Survey
  • สังเกตพฤติกรรมในประชุมจริง shadow coaching & observation

.

ขั้นตอนที่ 2 Kickoff & Create Team Space

  • Team Coaching Agreement เป็นพื้นที่ปลอดภัย
  • ใช้ Icebreaker & Reflection ที่ช่วยให้เปิดใจอย่างค่อยเป็นค่อยไป
  • Introduce 5C Listening for Connection Model

.

ขั้นตอนที่ 3 เปิดใจ – เคลียร์ใจ

  • จัด Reflection Circle ให้แต่ละคนพูดจากหัวใจ ไม่ใช่บทบาท
  • ใช้กระบวนการ Empathic Dialogue & Collaborative Feedback
  • ออกแบบ Mini Lab: ให้พูดถึงเหตุการณ์ในอดีตที่ยังค้างคาใจและให้อภัย

ผลลัพธ์: เริ่มฟังกันมากขึ้น บางคนร้องไห้ครั้งแรกในการประชุมทีม

.

ขั้นตอนที่ 4 Align เพื่อไปต่อ

  • ระบุเป้าหมายร่วมที่ทีมอยากผลักดันด้วยกัน (One Shared Goal)
  • สร้างความชัดเจนและมีส่วนร่วม
  • จัดการเรื่องความรับผิดชอบร่วมด้วย Team Commitment Exercise

ผลลัพธ์: ทีมเริ่มขยับเองแทนรอหัวหน้าลาก

.

ขั้นตอนที่ 5 Closure & Embed

  • Team Celebration: ฉลองสิ่งที่เปลี่ยนแปลง
  • Retrospective: อะไรที่ทีมเรียนรู้จากกันและกัน
  • Co-create Team Practice ที่จะใช้ต่อหลังจบโค้ช

.

.

เมื่อทีมเริ่มไว้ใจกัน…โดยไม่ต้องบังคับ

3 เดือนผ่านไป — บรรยากาศของทีมเดียวกันนี้เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน

ในการประชุมล่าสุด โค้ชสังเกตเห็นบางอย่าง:

  • ไม่มีใครกอดอกอีกต่อไป
  • ไม่มีใครหลบตา
  • ไม่มีความเงียบอึดอัด
  • มีแค่ฟัง — ที่จริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน

.

สิ่งที่เกิดขึ้น

  1. Safe Space ที่กลายเป็น Team Culture
    • พื้นที่ที่เริ่มต้นจากคำว่าเราจะไม่ขัดจังหวะกัน กลายเป็นวัฒนธรรมที่สมาชิกทุกคนปกป้องด้วยกัน
    • ผู้นำไม่ต้องควบคุมบรรยากาศ เพราะทีมจัดการพลังงานร่วมได้เอง
  2. จากความรู้สึกโดดเดี่ยว เป็นแรงหนุนร่วม
    • ผู้นำเล่าว่า ตอนนี้ เวลาเงียบ…ไม่รู้สึกโดดเดี่ยวแล้ว เพราะรู้ว่าเขากำลังคิดร่วมกับเรา
  3. บทสนทนาเปลี่ยน
    • จากไม่มีใครพูดตรงๆ เป็นเรากล้าพูดกันอย่างเคารพ
    • การให้ feedback เป็นเรื่องง่าย
  4. โปรเจกต์ที่ค้างไว้ สำเร็จภายใน 1 เดือน
    • สมาชิกแต่ละคนขยับเองโดยไม่ต้องให้ใครไล่ตาม
    • พลังของทีมเหมือนมอเตอร์ที่ติดเครื่องพร้อมกัน

.

สิ่งที่ทีมเรียนรู้: เมื่อเราไว้ใจกันมากพอ…เราจะไม่กลัวการแตกต่างอีกต่อไป

และนั่นแหละ คือจุดเริ่มต้นของความร่วมมือที่แท้จริง

คำพูดจากผู้นำ: ได้ทีมใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนคน

.

ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น

ผลลัพธ์ต่อทีมโดยรวม

  1. ประชุมมีชีวิตขึ้น – จากเดิมเงียบอึดอัด → เป็นบทสนทนาเชิงสร้างสรรค์
  2. เกิด One Shared Goal ที่ทุกคนมีส่วนร่วม – ไม่ใช่เป้าหมายจากบนลงล่าง
  3. เริ่ม Feedback กันตรง ๆ อย่างมีความเคารพ – ไม่กลัวความขัดแย้ง แต่ใช้เพื่อเติบโต
  4. ขับเคลื่อนงานได้เร็วขึ้น – โปรเจกต์ที่เคยค้าง ได้ข้อสรุปและลงมือทันที
  5. วัฒนธรรมฟังกันจริงๆ เกิดขึ้นจริง – ไม่ใช่แค่พูดสวย ๆ แต่ทุกคนทำร่วมกัน

.

ผลลัพธ์ต่อหัวหน้าทีม

  1. ไม่ต้องลากคนเดียว อีกต่อไป
    • จากเดิมที่เหนื่อยและโดดเดี่ยว รู้สึกมีคนขับเคลื่อนไปด้วย
  2. ได้เห็นมุมใหม่ของสมาชิกทีม
    • หลายคนกล้าพูดความคิดที่ไม่เคยแสดงออก
  3. มั่นใจในการปล่อยอำนาจ (empower) มากขึ้น
    • เชื่อใจทีมมากพอที่จะถอยออกมาในบางจังหวะ
  4. ได้ทักษะใหม่ในการฟังและสะท้อน
    • กลายเป็น Leader ที่สร้างพื้นที่ ไม่ใช่แค่สั่ง

.

ผลลัพธ์ต่อสมาชิกทีม

  1. กล้าพูดสิ่งที่เคยกลัว – ความกลัวเรื่องเสียหน้า หรือโดนมองลบลดลง
  2. เริ่มเห็นภาพรวมทีมมากกว่าแค่หน้าที่ตัวเอง
  3. เกิดความสัมพันธ์ที่ลึกขึ้น – จากเพื่อนร่วมงาน เป็นทีมที่เชื่อใจกัน
  4. รู้สึกมีส่วนร่วมและมีตัวตนในทีมมากขึ้น ไม่ใช่แค่ทำงานให้เสร็จ แต่รู้ว่าเสียงของเรามีคุณค่า
  5. เริ่มใช้ความขัดแย้งเพื่อสร้างสรรค์ แทนที่จะเลี่ยง กลับใช้ความต่างเป็นจุดแข็ง

.

.

ถ้าไม่ทำ Team Coaching…ทีมมีความเสี่ยง ที่จะเสียสิ่งเหล่านี้

  1. พลังงานเงียบที่กัดกินในใจทีม
  • ความขัดแย้งเงียบจะกลายเป็นแผลเรื้อรัง
  • ทีมทำงานแบบปกติ แต่ไม่มีพลัง ไม่มีความกล้า ไม่มีการเติบโต
  1. การประชุมที่ใช้เวลา…แต่ไม่ได้ความคิด
  • เสียเวลาในห้องประชุมไปกับความเงียบ ความเกรงใจ และความกลัว
  • โอกาสดี ๆ พัง เพราะไม่มีใครกล้าท้าทายหรือเสนอไอเดียใหม่
  1. หัวหน้าทีมเหนื่อยล้าแบบไม่รู้ตัว
  • ผู้นำต้องแบกทีมอยู่คนเดียว ทั้งการตัดสินใจ การผลักดัน และความหวัง
  • กลายเป็น Hero Model แทนที่จะเป็น Team Model
  1. ศักยภาพของทีม…ไม่เคยถูกปลดล็อก
  • ความเก่งของแต่ละคนกระจาย ไม่เคยถูกผสาน
  • ทีมไม่ได้เป็นมากกว่าผลรวมของคน แต่แค่คนเก่งที่แยกกันอยู่
  1. คนดีๆ หมดใจแล้วลาออก…โดยที่ไม่มีใครรู้สาเหตุจริง
  • คนที่มีความตั้งใจอาจรู้สึกว่าอยู่ไปก็ไม่โตเพราะทีมไม่ขยับ
  • การลาออกที่ดูเหมือนไม่มีเหตุผล มักมีรากมาจากพลังงานเงียบ

.

คำถามชวนคิด:

  • ถ้าปล่อยให้ทีมอยู่แบบนี้ต่อไปอีก 6 เดือน…จะเกิดอะไรขึ้น?
  • ทีมคุณมีศักยภาพอยู่แล้ว แต่วันนี้ทีมได้ใช้พลังนั้นจริงๆ หรือยัง?
  • วันนี้คุณกำลังแบกทีม หรือ สร้างทีมอยู่กันแน่?

.

Insight จากโค้ช:

ทีมไม่ได้ต้องการแค่เครื่องมือ แต่ต้องการพื้นที่ปลอดภัยที่ฟังกันใหม่ และเริ่มไว้ใจกันโดยไม่ต้องบังคับ

.

ที่ Courage to Coach เราเชื่อในเครื่องมือ Team Coaching เพื่อสร้างพื้นที่ปลอดภัย ไว้วางใจ รับฟัง เรียนรู้ และเติบโตร่วมกัน

  1. 5C Listening for Connection
  2. 5C Productive Communication
  3. 5C Pro-Connection
  4. 5C Team Learning
  5. 5C Team Coaching for High Performance Team

.

ติดต่อเรา
ถ้าคุณต้องการพื้นที่เรียนรู้ที่ปลอดภัย มีชีวิต และสร้างการเปลี่ยนแปลงในทีมของคุณ —
Courage to Coach ยินดีร่วมออกแบบกระบวนการให้ทีมของคุณ

Lead Your Team with Team Coaching นำทีม ด้วยการโค้ชทีม

.

.

โปรแกรมการโค้ชทีม Team Coaching เพื่อพัฒนาทีมให้เป็น High Performing Team สำหรับองค์กร | Courage to Coach

————

ติดต่อเรา 086-165-6993

couragetocoach@gmail.com

www.couragetocoach.net

📱 Facebook: Courage to Coach

Line OA: Courage to Coach

Linkedin: Courage to Coach
youtube: Courage to Coach
.

.
©Copyright by Courage to Coach. All rights reserved.

#91

.

#TeamCoaching #การโค้ชทีม #CourageToCoach

แชร์หน้านี้